Radiesse นวัตกรรมงานผิวขั้นสูง ฟื้นฟูผิวเด็ก เอาอยู่ทุกร่องลึก อยู่นานถึง 2 ปี!!
ที่สุดของงานผิว “RADIESSE® The One of a Kind Regenerative Biostimulator” กระตุ้นผิวเด็ก 5 เท่า ดูอ่อนเยาว์ถึง 2 ปี!

Radiesse คืออะไร ?
Radiesse จัดเป็นสารเติมเต็ม (Filling Substance) ชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบหลักคือสาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่อยู่ในกลุ่มของสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ให้ผิวแข็งแรง สดใสขึ้น และช่วยเพิ่มวอลลุ่มในส่วนของผิวหนังที่ลดลงได้ในแบบทันที และสามารถลดเลือนริ้วรอยร่องตื้นต่างๆ ในระยะยาว จึงเหมาะในการแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า เช่นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
𝐑𝐚𝐝𝐢𝐞𝐬𝐬𝐞 กระตุ้นผิวเด็ก 5 เท่า ดูอ่อนเยาว์นานกว่า 1 ปี!
ด้วยการสร้างสารสำคัญ 5 ชนิด Radiesse จึงช่วยซ่อมแซมเส้นใยผิวที่เสื่อมโทรมจากวัย ผสานเข้ากับเทคนิคฉีดพิเศษของ แอลบีซีคลินิก ที่มีคุณหมอช่วยประเมินสภาพผิวบนใบหน้าของแต่ละบุคคลก่อนฉีดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
Radiesse ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 5 ประการ
- ช่วยเพิ่ม Collagen type 1 150% ให้ผิวกระชับ แน่นเฟิร์ม
- ช่วยเพิ่ม Collagen type 3 130% ให้เกิดการเรียงตัวของ Collagen type 1 ได้อย่างเหมาะสม
- ช่วยเพิ่ม Elastin 260% เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดความหย่อยนคล้อย
- ช่วยเพิ่ม Proteoglycan สารน้ำหล่อเลี้ยงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวเต่งตึง
- ช่วยเพิ่ม Angiogenesis สารอาหารหล่อเลี้ยงผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตเพื่อผิวสุขภาพดี
จุดเด่นของ Radiesse
- Strong Structural Skin: เสริมความแข็งแรงถึงชุดโครงสร้างรอบเซลล์ผิว พร้อมเติมเต็มให้ผิวอิ่มฟู เป็นธรรมชาติ
- Profound Rejuvenation: ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในเนื้อเยื่อผิวหนังให้ยืดหยุ่น กระชับ ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยจากมลภาวะ และความชรา
- Cell Regenerative Stimulation: กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ใต้ผิวให้เต็มฟู กระจ่างใสและมีสุขภาพดี
กลไกการทำงานของ RADIESSE ®
หลังจากที่มีการฉีด RADIESSE เข้าไปในชั้นผิวแล้ว ตัวอนุภาคของ CaHA จะเริ่มก่อตัวกันเป็นโครงสร้างในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบๆ โครงสร้าง และจะยังเข้าไปช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น มีโครงสร้างผิวที่แน่นและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ดีนั่นเอง
𝐑𝐚𝐝𝐢𝐞𝐬𝐬𝐞 ช่วยอะไรบ้าง ?
- ช่วยปรับโครงสร้างผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้น
- ช่วยลดริ้วรอย ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
- ช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
- ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้นสุขภาพดี
- ช่วยเติมอาหารให้ผิวทำให้ผิวสุขภาพดีมีเลือดฝาด
- ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด ทำให้ผิวเกิดการสมานแผลได้ดี
- ช่วยปรับผิวให้มีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

Radiesse ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
- ขมับ : Radiesse สามารถแก้ปัญหาขมับตอบที่ทำให้ดูมีอายุได้ ช่วยเพิ่มความอิ่มฟู ดูละมุน
- หน้าแก้ม : บริเวณนี้มักขาดวอลลุ่ม เมื่ออายุมากขึ้น การเติมเต็มบริเวณนี้จะช่วยยกกระชับ หน้าเด็กลง และทำให้ผิวดีขึ้น
- ร่องแก้ม : เส้นข้างแก้ม ซึ่งอาจเป็นร่องลึกขึ้นตามอายุ ซึ่งถ้ามีร่องเฉพาะเวลายิ้มจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าร่องเห็นเป็นรอยชัดในหน้าตรง ก็สามารถเติมเพื่อทำให้หน้าดูเด็กลง และทำให้ร่องตื้นขึ้นได้
- ร่องน้ำหมาก : เส้นที่ลากจากมุมปากลงมาถึงบริเวณคาง เส้นนี้ถ้ามีจะทำให้ดูมีอายุ และถ้าเชื่อมไปกับร่องแก้มก็จะยิ่งเป็นปัญหาทำให้ดูล้ำเกินวัย
- กรอบหน้า : สามารถใช้ Radiesse Filler ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น ช่วยให้หน้ากระชับขึ้น
ซึ่งตำแหน่งที่หมอไม่แนะนำให้ฉีดคือ บริเวณ ระหว่างคิ้ว จมูก รอบดวงตา และบริเวณปาก
RADIESSE เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ผิวเหี่ยวย่น
- ผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น หลุมสิว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ ผิวไม่แน่น โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ
- ผู้ที่ต้องการช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ร่องลึก
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เต่งตึง
- คนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
RADIESSE อันตรายไหม? ได้รับการรับรองหรือไม่?
การฉีด RADIESSE ® นั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความอันตรายเลย เนื่องจากตัวสารประกอบหลักๆ คือ CaHA ที่เป็นสารที่สามารถพบได้อยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ ทั้งนี้ในปัจจุบันยังได้ผ่านการรับรองความปลอดภัยถึง 3 แห่งอย่าง อย.ยุโรป (EUFDA), อย.อเมริกา (USFDA) และอย.ไทย (THFDA)
แต่ทั้งนี้ก็ต้องมั่นใจว่าตัว RADIESSE ® ที่ฉีดเป็นของแท้ที่นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและฉีดโดยหมอที่มีความรู้ ประสบการณ์และมีใบประกอบวิชาชีพแพทย์
RADIESSE ® มาจากประเทศอะไร
ตัว RADIESSE นั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นจากบริษัท Merz Pharmaceuticals ที่ประเทศเยอรมนี และได้เริ่มมีการใช้ในประเทศอเมริกาในช่วงปี 2004 นั่นเอง ในปัจจุบันได้มีงานวิจัยเข้ามารองรับว่าสามารถช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวได้จริงถึง 250 ฉบับจึงส่งผลทำให้ RADIESSE ได้รับความนิยมอย่างมากมายจากการมียอดขายมากกว่า 85 ประเทศทั่วโลก
Radiesse เห็นผลทันทีไหม และอยู่ได้นานไหม ?
สามารถเห็นผลลัพธ์ทันที หลังฉีด “Radiesse” จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานซึ่งจะอยู่ได้นานกว่า 1 ปีเลยค่ะ
แนะนำฉีดต่อเนื่อง 3 เดือน แบ่งเป็น 3 Session Session ละ 2 กล่อง *หรือตามคุณหมอแนะนำ ผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานถึง 2 ปี
ข้อควรระวังในการฉีด RADIESSE
จริงๆ แล้วในการฉีด RADIESSE นั้นมีความปลอดภัยจึงไม่มีข้อควรระวังอะไรเป็นพิเศษหากฉีดด้วยยาของแท้และฉีดกับหมอผู้เชี่ยวชาญ แต่ทั้งนี้การฉีด RADIESSE นั้นก็ถือว่าไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม ดังนี้
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาชา
- ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบ เป็นแผล ติดเชื้อในจุดที่จะฉีด
- ผู้ที่มีภาวะเลือดหยุดไหลยาก
- ผู้มีป่วยเป็นโรคเบาหวาน เริม โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคลมชัก
- ผู้ที่มีการใช้ยากลุ่ม NSAID และ corticosteroids มาเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีโอกาสเกิดแผลคีลอยด์ แผลเป็นแบบนูนได้ง่าย
การเตรียมตัวก่อนฉีด RADIESSE
- พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วันก่อนฉีด
- งดทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่าง แอสไพริน น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 7 วันก่อนฉีด
- งดทำหัตถการผิว เช่น เลเซอร์หน้า ฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 7-14 วันก่อนฉีด
- หากมีบาดแผล ผื่น ผิวหนังอักเสบควรเลื่อนการฉีดออกไปและทำการรักษาอาการดังกล่าวให้หายเสียก่อน
การดูแลตัวเองหลังฉีด RADIESSE
- งดการจับ ลูบ กด นวดผิวในจุดที่ฉีดอย่างเด็ดขาด
- หลังฉีด 24 ชั่วโมงแรกควรงดการล้างหน้า ทาครีม และแต่งหน้า
- งดออกกำลังกายอย่างหนักอย่างน้อย 7 วันหลังฉีด
- งดกิจกรรมที่จะทำให้เหงื่อออกเช่น เล่นกีฬา อาบแดด ซาวน่าอย่างน้อย 7 วันหลังฉีด
- เลี่ยงการนอนตะแคง นอนคว่ำหน้าอย่างน้อย 7 วันหลังฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่อย่างน้อย 14 วันหลังฉีด
- หากผิวเกิดรอยแดง สามารถใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้
Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์ อย่างไร ?
Radiesse มีส่วนประกอบหลักเป็น CaHA ส่วนฟิลเลอร์อื่นๆ มีส่วนประกอบหลักเป็น HA (เช่น JUVEDERM , Restylane) ซึ่ง CaHA จะดีกว่าในส่วนของการกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกับการเพิ่มวอลลุ่ม
- ระยะเวลาสลาย : Radiesse อยู่ได้นานสุด คือ 1 – 2 ปี ส่วนฟิลเลอร์แบบ HA มักจะไม่เกิน 1 ปี
- ผลลัพธ์ที่ได้ : Radiesse จะให้ผลการเติมเต็มทันที และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ส่วน HA filler จะได้เฉพาะผลการเติมเต็มอย่างเดียว
- ลักษณะเนื้อ : Radiesse จะมีความแข็งมากกว่าจึงเหมาะกับการฉีดในร่องลึก และผิวที่ขาดวอลลุ่ม ส่วน HA filler จะมีเนื้อที่เหมาะกับหลากหลายบริเวณสามารถเลือกฉีดได้ตามความเหมาะสม
Radiesse ต่างจาก SCULPTRA อย่างไร ?
Radiesse ใช้ CaHA เป็นส่วนประกอบหลัก เป็นตัวที่จัดอยู่ในกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความสามารถในการเพิ่มวอลลุ่มได้ด้วย แต่ SCULPTRA ใช้ PLLA ในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่ไม่สามารถเพิ่มวอลลุ่มได้
ตำแหน่งที่ฉีดของ Radiesse จะเน้นการเติมร่องลึกต่างๆ แต่ SCULPTRA จะเป็นการยกกระชับ และเติมผิวให้แน่นตึง ไม่เหมาะกับการเติมร่องลึก
Radiesse สามารถทำคู่หัตถการอื่นได้มั้ยคะ ?
สามารถทำคู่งานผิวที่ไม่มี HA อย่าง REJURAN และ EXOSOME ได้ค่ะ
*ไม่สามารถทำพร้อมกับฟิลเลอร์ได้ ยกเว้นบริเวณปาก
รีวิวจริงจากลูกค้ามาร์ช่าคลินิก





