การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอย เมื่อคนเราอายุมากขึ้นกระดูกจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้า เกิดเป็นร่องรอยใต้ตา

การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อลดริ้วรอย แก้ปัญหา ใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา ฉีดเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ฉีดใต้ตาคล้ำ จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้ง

การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นตำแหน่งแรกที่เติมแล้วได้ฮาโมนี่ คือเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะว่าใต้ตาจะเป็นจุดที่ยุบลงตำแหน่งแรกและเป็นจุดที่ควรจะเติมเป็นตำแหน่งแรก

ปัญหาร่องใต้ตา สาเหตุเกิดจากส่วน Tear Through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตา เกิดการยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น อาจจะเป็นส่วนเดียวหรือทั้งสองส่วนก็ได้ หากจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คุณหมอจะต้องประเมินปัญหาให้ชัดเจน เพื่อแก้ไขอย่างตรงจุด

นอกจากปัญหาเรื่องอายุที่มากขึ้น คนที่อายุน้อย ๆ ก็มีปัญหาใต้ตาได้เช่นกัน เนื่องมาจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ หรือการเจริญเติบโตของกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาไม่ดี ทำให้เกิดถุงใต้ตา ร่องใต้ตา และยังมีปัญหาจาการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนยานและมีริ้วรอยก่อนวัย

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา
    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุดที่สุด ทั้งริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ หลังฉีดเห็นผลทันที เป็นหัตถการที่ไม่มีแผลและมีความเป็นธรรมชาติมาก ช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวชุ่มชื้น ดูสดใสขึ้น
  • FILORGA
    FILORGA เป็นการฉีดเมโสหน้าใส สามารถใช้แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ผิวแห้ง ให้กลับมาชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้น มีส่วนผสมของ HA และวิตามินต่าง ๆ มีจุดเด่นในการบำรุงผิวมากกว่าแก้ปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกใต้ตา
  • ไหมน้ำใต้ตา
    ไหมน้ำเป็นไหมที่ใช้ฉีด จริง ๆ แล้วเป็นวัสดุ polydioxanone เหมือนกับไหมเส้นที่ใช้ร้อยเพื่อดึง แต่เป็นการเอาไหมเส้นมาตัดเป็น particle เล็ก ๆ แล้วละลายในน้ำ ใช้เติมแทนฟิลเลอร์ หมอยังไม่แนะนำให้ใช้ และยังไม่ผ่าน อย. ครับ
  • ครีมบำรุงใต้ตา
    สำหรับการทาครีม หมอเชื่อว่าเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนจะเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาครับ แต่จริง ๆ แล้วการทาครีมต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ ต้องรอครีมค่อย ๆ ซึมลงไปในผิว เห็นผลไม่ชัดเจนและใช้เวลานาน

การทำดอลลี่อาย (Dolly eyes) เป็นการทำให้ขอบตาล่างดูหนาขึ้น ดวงตาจะกลมโต ดูหน้าเด็ก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่งครับ สามารถใช้การเติมไขมันและการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อทำดอลลี่อายได้

  • ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย เช่น แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา
  • เห็นผลลัพธ์หลังฉีดรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสายตกค้าง

  • ฟิลเลอร์ไม่ได้อยู่ถาวร สลายไวเมื่อเจอความร้อน หรือหากทำกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนบ่อยๆ เช่น ออกกำลังกาย ซาวหน้า ทำเลเซอร์
  • ฟิลเลอร์สลายได้ง่าย เมื่ออายุมากขึ้นและสภาพผิวที่หย่อนคล้าย ทำให้ต้องมาฉีดซ้ำอีกครั้ง
  • มีความเสี่ยงเรื่องผิวบวม ช้ำ ฟิลเลอร์จับเป็นก้อน หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่สามารถฉีดได้กับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้
  • คนที่ใต้ตาหย่อนคล้อยมากและผิวบาง อาจทำให้ฟิลเลอร์จับเป็นก้อนได้
    คนที่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • คนที่มีปัญหาเลือดออก เลือดหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย
  • คนที่มีอาการแพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด
  • คนที่เป็นโรคติดต่อในบริเวณที่ฉีด อาจทำให้ติดเชื้อได้
  • คนที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่

ก่อนฉีดฟีลเลอร์ใต้ตา ผู้เข้ารับบริการจะต้องดูแลตัวเองให้พร้อมและเตรียมตัวเอง ดังนี้

  1. ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด
  2. เลือกแพทย์ผู้ฉีดที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ
  3. ก่อนการฉีด 1 วัน ควรงดรับประทานแอลกอฮอล์ใน 24 ชั่วโมง
  4. ก่อนการฉีด 1 วัน งดการทานยาแก้ปวด แอสไพริน วิตามินอีและอาหารเสริมใบแปะก๊วย ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมใต้ตาหลังฉีดได้เร็วขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ผู้รับบริการบางรายอาจมีอาการบวมที่บริเวณใต้ตาในจุดที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ แพทย์จะให้ยาแก้ปวดและยาลดอาการบวมมาให้ร่วมด้วย และหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จ แนะนำให้ผู้รับบริการดูแลตัวเอง ดังนี้

  • ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันหลังทำ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากเดิมได้
  • ประคบน้ำเย็นที่ใต้ จะช่วยลดอาการบวมหลังฉีดได้
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ใต้ผิวยาวนานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนที่บริเวณใต้ตา เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายง่าย
  • งดการทำเลเซอร์ที่ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะทายาชาที่ใต้ตาในบริเวณจะฉีด ทำให้ความเจ็บขณะฉีดลดน้อยลง ซึ่งคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และใช้เวลาฉีดเพียงไม่กี่นาที หลังจากฉีดเสร็จ จะมีอาการบวมบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์แต่จะค่อยๆ หายไปเอง

ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากอย. ประเทศไทยแล้ว ซึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้ฉีดกันส่วนใหญ่ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามปัญหาใต้ตาของคนไข้แต่ละเคส ดังนี้

1. ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลบางเบา ใช้ฉีดผิวชั้นตื้น ชั้นผิวที่บางและเก็บรายละเอียดเพิ่มหลังจากฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มี 2 ยี่ห้อที่นิยมใช้กัน คือ

  • Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีเนื้อละเอียดที่สุด เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก อยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี
  • Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลหนืดกว่า Restylane Vital Light เล็กน้อย เหมาะกับผู้มีผิวไม่บางมากเกินไป อยู่ได้นาน 8 เดือนถึง 1 ปี

2. ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลคงตัว ใช้ฉีดแทนเนื้อเยื่อที่ยุบตัวของกระดูกชั้นผิวลึก ฉีดร่องตาลึก กระดูกใต้ตายุบตัว มี 3 ยี่ห้อที่นิยมใช้กัน คือ

  • Restylane Perlane Lyft เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวมาก สามารถยกผิวในชั้นกระดูก ให้ใกล้เคียงกระดูกได้ มีอายุประมาณ 1 ปี
  • Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์ เนื้อเจลมีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้มากกว่า มีอายุอยู่ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน
  • Juvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำได้มาก เนื้อฟูปานกลาง มีอายุอยู่ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน

โดยสรุปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งในทางเลือกแก้ไขปัญหาใต้ตา เช่นใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ เบ้าตาลึกให้ดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด แต่ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากอย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อลดโอกาสเกิดอันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม

TAGS ของบทความนี้

  • All Posts
  • ข่าวสาร
  • บริการของเรา
  • สาระทำสวย
  • โปรโมชั่น
© 2024  Marsha’s clinic